สำหรับสัญญาประกันชีวิตจะคุ้มครองการเสียชีวิตทุกกรณีอยู่แล้ว
โดยจะมีเงื่อนไขแค่ 3 + 2 ข้อ ดังนี้ครับ
ประกันชีวิตไม่จ่ายกรณีไหนบ้าง
(ข้อยกเว้นไม่จ่ายสินไหม กรณีเสียชีวิต)
1. ปกปิด / ให้ข้อมูลเท็จ เรื่องประวัติสุขภาพ แล้วเสียชีวิต ภายใน 2 ปี
คำถาม: ถ้าปกปิดประวัติสุขภาพ แล้ว บริษัทประกันไม่โต้แย้ง ภายใน 2 ปี หากเสียชีวิตบริษัทประกันก็ต้องจ่ายใช่ไหม?
คำตอบ: ถูกต้องครับ บริษัทประกันชีวิต มีสิทธิ์คัดค้านความสมบูรณ์ของสัญญาประกันชีวิตภายใน 2 ปี หากไม่คัดค้าน ถือว่าสัญญาสมบูรณ์ และ ต้องจ่ายทุนประกันชีวิตตามสัญญาเมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิต
เงื่อนไขนี้เฉพาะสัญญาประกันชีวิตนะครับ ไม่ใช่ประกันสุขภาพ*
*ประกันสุขภาพไม่จ่ายกรณีไหนบ้าง อ่านต่อ...คลิก
2. ฆ่าตัวตายภายใน 1 ปี
คำถาม: คุ้มครองการฆ่าตัวตาย! จริงๆใช่ไหม?
คำตอบ: จริงครับ เรื่องการฆ่าตัวตาย มีระบุในกรมธรรม์เลยว่า ไม่คุ้มครองการฆ่าตัวตายภายใน 1 ปี ดังนั้นหากทำสัญญาครบ 1ปี แล้วฆ่าตัวตายบริษัทประกันก็ต้องจ่ายครับ (จำง่ายๆว่าเมื่อส่งเบี้ยประกันปีที่ 2 แล้ว กรมธรรม์ก็คุ้มครองการฆ่าตัวตายทันที) ที่ต้องเว้นไว้ 1 ปี เพื่อให้ผู้เอาประกันมีเวลาคิดทบทวนก่อนตัดสินใจครับ
3. ถูกผู้รับผลประโยชน์ฆ่าตาย
คำถาม: ผู้รับผลประโยชน์คือใคร
คำตอบ: คือชื่อบุคคลที่จะได้รับเงินประกันชีวิตหากผู้เอาประกันชีวิตได้เสียชีวิตลง โดยกรมธรรม์ทุกฉบับเจ้าของกรมธรรม์จำเป็นต้องระบุชื่อผู้รับผลประโยชน์ในกรมธรรม์ชีวิตทุกเล่ม และสามารถเปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์ได้ตลอดครับ
คำถาม: แล้วถ้าถูกคนอื่นฆ่าตาย บริษัทประกันต้องจ่ายใช่ไหม?
คำตอบ: ถูกต้องครับ บริษัทประกันต้องจ่าย ส่วนข้อยกเว้นเรื่องถูกผู้รับผลประโยชน์ฆ่าตาย ก็มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้รับผลประโยชน์ฆาตกรรมเพื่อหวังเงินเอาประกันนั่นเองครับ
4. สัญญาประกันชีวิตขาดอายุ
คำถาม: ข้อนี้แปลว่าอะไรครับ?
คำตอบ: ถ้าจะสรุปสั้นๆคือ เราไม่ได้ส่งเบี้ยประกันชีวิตตามกำหนด แล้วทำให้สัญญาประกันชีวิตขาดอายุ จึงเท่ากับเราไม่มีประกันชีวิตแล้ว
คำถาม: ถ้าเกิดกรณีฉุกเฉินเงินสะดุด ส่งเบี้ยประกันไม่ทันจริงๆ บริษัทประกันมีตัวช่วยลูกค้าไหม?
คำตอบ: มีครับ ไม่ต้องกังวล ในกรณีที่เราส่งเบี้ยประกันชีวิตมาแล้ว 2-3 ปีขึ้นไป กรมธรรม์จะมีมูลค่าเงินสดอยู่ (ยกเว้นประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา) หากถึงเวลาชำระเบี้ยแล้ว เราส่งเบี้ยไม่ทัน หรือ ลืมส่งเบี้ย บริษัทประกันจะทำการกู้เงินจากมูลค่าเงินสดมาชำระเบี้ยประกันแทนเราครับ ซึ่งดอกเบี้ยก็คิดตามจริงเป็นรายวัน (อัตราดอกเบี้ยเงินกู้กรมธรรม์จะมีระบุไว้ในสัญญาประกันชีวิต โดยแต่ละแบบประกันจะคิดดอกเบี้ยไม่เท่ากัน อยู่ที่ประมาณ 4-7%ต่อปี)
คำถาม: แล้วถ้าส่งเบี้ยไม่ไหวจริงๆ แต่ยังอยากให้มีความคุ้มครองชีวิตต่อไป จะทำอย่างไรได้บ้าง?
คำตอบ: เราสามารถเปลี่ยนแปลงสัญญาประกันชีวิตได้ 2 วิธีครับ
1. *ขยายระยะเวลา = หยุดส่งเบีย ทุนประกันชีวิตเท่าเดิม ระยะเวลาคุ้มครองลดลง
2. *ใช้เงินสำเร็จ = หยุดส่งเบี้ย ทุนประกันชีวิตลดลง ระยะเวลาคุ้มครองเท่าเดิม
*ประกันชีวิตที่ยาวทำให้สั้นลงได้ อ่านต่อ...คลิก
5. ไม่ได้ทำประกันชีวิต
คำถาม: ใช่สิ! ไม่ได้ทำประกันชีวิตจะให้คุ้มครองชีวิตได้ยังไง?
คำตอบ: ครับ ดูไม่น่าเป็นประเด็น แต่ก็เป็นประเด็นนะครับ เพราะบางครั้งเราอาจเข้าใจผิดจริงๆคิดว่าเราทำประกันชีวิตไว้แล้ว หรือ บางคนโชคไม่ดีจ่ายเบี้ยประกันชีวิตไป แต่เรื่องอาจไม่ถึงบริษัทประกันก็มีนะครับ
วิธีป้องกันก็คือ
1. ตรวจสอบ และ อ่านกรมธรรม์ของตัวเองก่อนเซ็นรับกรมธรรม์ ว่าถูกต้องหรือไม่
2. ชำระเบี้ยประกันให้ตรงเวลา
3. หลีกเลี่ยงการชำระเบี้ยประกันเป็นเงินสด
4. ใบเสร็จ หลักฐานการชำระเบี้ย (ในกรณีชำระเงินผ่านตัวแทน ลูกค้าต้องได้รับใบเสร็จรับเงินชั่วคราวจากตัวแทนก่อนทุกครั้ง และ เมื่อบริษัทประกันได้รับการชำระเบี้ยจากตัวแทนแล้ว บริษัทประกันจะส่งใบเสร็จฉบับจริงให้ลูกค้าตามมา)